วันพฤหัสบดีที่ 30 เมษายน พ.ศ. 2552

ขนมบัวลอยแก้ว

บัวลอยแก้ว คำว่า "แก้ว" ก็หมายถึง แป้งต้องใสเป็นแก้วขนมบัวลอยแก้วใช้แป้งมันเทศ ก่อนจะทำขนมนี้กันขออธิบายแป้งมันของขนมไทยเสียก่อนว่า แป้งมันของขนมไทยมีอยู่ 2 ชนิด คือ แป้งมันสำปะหลัง หมายถึงแป้งมันที่ทำมาจากมันสำปะหลัง ชนิดที่ 2 เรียกแป้งมันเหมือนกัน แต่เป็นแป้งมันเทศ แป้งมันเทศคือ แป้งที่ได้จากมันเทศ ลักษณะแป้งทั้ง 2 ชนิดนี้ ต่างกันที่สี แป้งมันสำปะหลังจะมีสีขาวกว่าแป้งมันเทศ และเมื่อนำแป้งมันสำปะหลังนวดกับน้ำร้อนแล้ว แป้งมันสำปะหลังจะเหนียวเป็นก้อน แต่สำหรับแป้งมันเทศเมื่อนวดกับน้ำร้อนแล้วแป้งจะเหนียวนุ่มไม่เป็นก้อน เนื้อแป้งเนียนส่วนผสม
แป้งมันสำปะหลัง
1 ถ้วยตวง
น้ำร้อน
1/4 - 1/2 ถ้วยตวง
น้ำลอยดอกมะลิ
2 ถ้วยตวง
น้ำตาลทราย
3/4 ถ้วยตวง
แป้งมันสำปะหลังหรือแป้งท้าวยายม่อม
5 - 6 ช้อนโต๊ะ
น้ำเปล่าสำหรับละลายแป้ง
5 - 6 ช้อนโต๊ะ
หัวกะทิ
1 ถ้วยตวง
เกลือป่น
1 ช้อนชา
มะพร้าวอ่อนขูดเฉพาะเนื้อ
1/2 - 1 ถ้วยตวง




วิธีทำแป้ง 1. ตวงแป้งใส่ภาชนะ ทำบ่อตรงกลางไว้ 2. ใส่น้ำร้อนลงไป คนให้แป้งกับน้ำร้อนเข้ากัน พอแป้งอุ่นนวดให้เป็นเนื้อเดียวและให้แป้งเนียน คลึงแป้งเป็นเส้นยาวๆ ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 1 เซนติเมตร ตัดเป็นท่อนสั้นๆยาว 1 เซนติเมตร คลุกกับแป้งมันสำปะหลัง พักไว้ประมาณ 30 นาที 3. ต้มน้ำเปล่าในหม้อให้เดือด นำแป้งในข้อที่ 2 ใส่ลงไป ลดไฟให้อ่อนลง เมื่อแป้งลอยขึ้นมา ตักขึ้นใส่น้ำเย็นไว้ เทใส่กระชอน พักไว้ให้สะเด็ดน้ำ 4. ผสมน้ำลอยดอกมะลิ (ถ้าไม่มีน้ำลอยดอกมะลิให้ใส่น้ำธรรมดาผสมกลิ่นดอกมะลิ) กับน้ำตาลทรายและแป้งมันเทศหรือแป้งท้าวยายม่อม (แป้งท้าวยายม่อมได้จากพืชชนิดหนึ่งเป็นพืชส่วนหัว พืชชนิดนั้นชื่อต้นเท้ายายม่อม) โดยต้องละลายน้ำเสียก่อน ผสมให้เข้ากัน ตั้งไฟให้เดือด ใช้ไฟกลางค่อนข้างอ่อน ต้องคนตลอดมิฉะนั้นแป้งจะเป็นเม็ด คนไปเรื่อยๆจนกว่าแป้งจะสุก ลักษณะแป้งจะใส เมื่อแป้งสุกแล้วจึงใส่แป้งในข้อที่ 3 ลงไป คนให้เข้ากันและเดือดอีกครั้ง ก่อนจะยกลง ใส่มะพร้าวอ่อนคนให้เข้ากัน ยกลง 5. ผสมหัวกะทิกับเกลือป่น คนให้เข้ากัน ตั้งไฟพอควันขึ้นหรือพอเดือดนิดหน่อยยกลง กรองด้วยกระชอนเพื่อให้กะทิเนื้อเนียน 6. เมื่อจะเสิร์ฟหรือรับประทานจึงตักขนมแล้วราดด้วยกะทิ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น